P T IMAGE

ASST.PROF.PHORRAMATPANYAPRAT  TONGPRASONG, PhD, FHEA UKPSF

WEBSITE >> MUSTLAND.ORG
XXXXXXXXXXXXX
ปรมัตถ์ปัญปรัชญ์ ต้องประสงค์. (2564). ธุรกิจสร้างสรรค์และเทคโนโลยีดิจิทัล. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต.
*****

Creative Business and Digital Technology

ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา (Desired Outcomes of Education : DOE Thailand)
หมายถึง คุณลักษณะของคนไทย 4.0
ที่ตอบสนองวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยคนไทย 4.0 จะต้อง ธำรงความเป็นไทยและแข่งขันได้ในเวทีโลก นั่นคือเป็นคนดี มีคุณธรรม ยึดค่านิยมร่วมของสังคมเป็นฐานในการพัฒนาตน ให้เป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะ 3 ด้าน โดยเป็นคุณลักษณะขั้นตํ่าดังต่อไปนี้
1. ผู้เรียนรู้ เป็นผู้มีความเพียร ใฝ่เรียนรู้ และมีทักษะการเรียนรู้ ตลอดชีวิตเพื่อก้าวทันโลกยุคดิจิทัลและโลกในอนาคต และมีสมรรถนะ (competency) ที่เกิดจากความรู้ ความรอบรู้ ด้านต่าง ๆ มีสุนทรียะ รักษ์และประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทย มีทักษะชีวิตเพื่อสร้างงานหรือสัมมาอาชีพ บนพื้นฐานของความพอเพียง ความมั่นคงในชีวิต และคุณภาพชีวิตที่ดี ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม

2. ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้มีทักษะทางปัญญา ทักษะศตวรรษที่ 21ความฉลาดดิจิทัล (digital intelligence) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะการบูรณาการข้ามศาสตร์ และมีคุณลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อร่วมสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีหรือสังคม เพิ่มโอกาสและมูลค่าให้กับตนเอง และสังคม

3. พลเมืองที่เข้มแข็ง เป็นผู้มีความรักชาติ รักท้องถิ่น รู้ถูกผิด มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มีจิตอาสา มีอุดมการณ์และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ บนหลักการประชาธิปไตย ความยุติธรรม ความเท่าเทียม เสมอภาค เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและประชาคมโลกอย่างสันติ



ธุรกิจสร้างสรรค์และเทคโนโลยีดิจิทัล

การฝึกคิดสร้างสรรค์และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และนวัตกรรมที่สามารถทำให้ธุรกิจเกิดการเติบโตและความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น ธุรกิจสร้างสรรค์ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมีลักษณะที่มีความยืดหยุ่น รวดเร็ว และสามารถปรับปรุงแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว  ได้แก่
   1. การสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลธุรกิจสร้างสรรค์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นสถานที่ที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อและสร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ซึ่งสร้างคุณค่าและสร้างกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น

   2. การพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ธุรกิจสร้างสรรค์สร้างแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ

   3. การใช้งานเทคโนโลยีอัตโนมัติ ธุรกิจสร้างสรรค์นำเทคโนโลยีอัตโนมัติเข้ามาใช้ในกระบวนการธุรกิจ เช่น การใช้ระบบการผลิตอัตโนมัติ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

   4. การใช้งานข้อมูลและการวิเคราะห์ ธุรกิจสร้างสรรค์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณค่าในการตัดสินใจและการวางกลยุทธ์ธุรกิจ

   5. การใช้สื่อสังคมออนไลน์ ธุรกิจสร้างสรรค์นำเทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างการติดต่อและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างความน่าสนใจและความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับลูกค้า

   6. ธุรกิจสร้างสรรค์และเทคโนโลยีดิจิทัลมีศักยภาพที่สูงในการสร้างความสำเร็จและความเป็นเอกลักษณ์ในตลาด โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการสร้างและพัฒนาธุรกิจที่มีความสร้างสรรค์และนวัตกรรม

ธุรกิจสร้างสรรค์ (Creative Business)

ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่าที่สร้างความต้องการให้กับตลาด ธุรกิจสร้างสรรค์นั้นมุ่งเน้นการพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความแตกต่างจากธุรกิจทั่วไป
ขั้นตอนในการพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์
   1. การตรวจสอบและวิเคราะห์ตลาด ศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเพื่อรู้จักความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า และระบุโอกาสและความสามารถในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นเอกลักษณ์และมีความสนใจ

   2. การวิเคราะห์และพัฒนาแนวคิด ใช้กระบวนการคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาแนวคิดใหม่และนวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด สร้างระบบการทำงานที่ไม่เหมือนใครและสร้างความสร้างสรรค์ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า

   3. การวางแผนธุรกิจ กำหนดแนวทางและกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ เช่น การตลาด การเงิน และการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถนำแนวคิดสร้างสรรค์ไปสู่ความสำเร็จธุรกิจ

   4. การสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ นำแนวคิดสร้างสรรค์มาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณค่าและความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความได้เปรียบในตลาด

   5. การตลาดและการขาย สร้างแผนการตลาดและการขายที่สร้างมูลค่าและคุณค่าเพื่อเปิดตลาดและสร้างความตอบรับจากลูกค้า ใช้เครื่องมือการตลาดที่สอดคล้องกับลักษณะของธุรกิจสร้างสรรค์

   6. การตรวจสอบและปรับปรุง ตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และความสำเร็จของธุรกิจสร้างสรรค์ และนำเสนอการปรับปรุงเพื่อปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

   7. การสร้างธุรกิจสร้างสรรค์ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเป็นศูนย์กลาง และความสำเร็จของธุรกิจสร้างสรรค์มีอิทธิพลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
/////

พลเมืองสร้างสรรค์

การสร้างสรรค์ของพลเมืองเป็นกระบวนการที่สำคัญในการพัฒนาสังคมและชุมชน นี่คือบางแนวทางที่สามารถใช้ในการสร้างสรรค์ของพลเมือง ดังนี้

  1. ส่งเสริมความร่วมมือและการมีส่วนร่วม การสร้างสรรค์ของพลเมืองต้องเริ่มต้นด้วยการส่งเสริมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ทุกคนมีโอกาสและสิทธิ์ในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการแบ่งปันความคิดเห็น เช่น การเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมกระบวนการตัดสินใจทางการเมือง การจัดกิจกรรมสาธารณะที่เพิ่มสังคมชนกันในชุมชน
  2. สนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ การสร้างสรรค์ของพลเมืองต้องขึ้นอยู่กับการสนับสนุนและการสร้างองค์ความรู้ในชุมชน โดยการส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ที่ยั่งยืน สร้างสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพและส่งเสริมการพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีและสร้างองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์สำหรับชุมชน
  3. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม การสร้างสรรค์ของพลเมืองต้องสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ให้มีสภาวะที่ส่งเสริมการคิดอย่างสร้างสรรค์และการทำงานเป็นทีม สร้างพื้นที่ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาในด้านนวัตกรรม เช่น การสร้างศูนย์สร้างสรรค์และที่ประกอบอาชีพที่สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม
  4. สนับสนุนธุรกิจและการเริ่มต้นใหม่ การสร้างสรรค์ของพลเมืองต้องสนับสนุนธุรกิจและการเริ่มต้นใหม่ในชุมชน โดยการให้การสนับสนุนทางการเงิน การจัดทำนโยบายที่ส่งเสริมธุรกิจและการเริ่มต้นใหม่ สร้างพื้นที่ที่สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจในชุมชน และสร้างโอกาสให้กับผู้มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์
  5. สร้างสภาวะที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้างสรรค์ของพลเมืองต้องสนับสนุนสภาวะที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ การสร้างโครงสร้างการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น และการสนับสนุนการพัฒนาทักษะทางด้านดิจิทัล
////

ผู้ประกอบการยุคใหม่ (New Age Entrepreneurs)


กลุ่มผู้ประกอบการที่มีลักษณะและแนวคิดที่แตกต่างจากผู้ประกอบการในยุคก่อนหน้า มุ่งหวังที่จะสร้างธุรกิจที่สร้างสรรค์และมีความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี สังคม และสภาวะเศรษฐกิจในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล



ลักษณะของผู้ประกอบการยุคใหม่


   1. ความเป็นผู้นำและผู้ก่อตั้ง ผู้ประกอบการยุคใหม่เป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจขึ้นมาด้วยความคิดสร้างสรรค์และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีความเชื่อที่แข็งแรงในภาวะเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะเป็นตัวนำในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

   2. นวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการยุคใหม่เน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจ เห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความแตกต่างในตลาด

   3. อิสระในการทำงาน ผู้ประกอบการยุคใหม่มีความรับผิดชอบในการจัดการธุรกิจของตนเอง มีความอิสระในการตัดสินใจและการบริหารจัดการ เป็นผู้มีความคิดริเริ่มและให้ความสำคัญกับการทำงานที่มีความสุขและความคุ้มค่าสำหรับตนเอง

   4. การทำงานเป็นทีมและการร่วมมือ ผู้ประกอบการยุคใหม่เข้าใจถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีมและการร่วมมือ สามารถสร้างทีมที่มีความหลากหลายและมุ่งหวังที่จะสร้างพลังงานสร้างสรรค์ในการทำงานร่วมกัน

   5. ความยืดหยุ่นและการปรับตัว ผู้ประกอบการยุคใหม่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสภาวะเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ พวกเขาพร้อมที่จะปรับปรุงและปรับแผนธุรกิจของพวกเขาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม

ผู้ประกอบการยุคใหม่เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญและมีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงและความสร้างสรรค์ในธุรกิจ เน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสร้างความแตกต่างที่มีคุณค่าในตลาดที่มีการแข่งขัน

/////
กระบวนทัศน์ของการเป็นผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อธุรกิจสร้างสรรค์

กระบวนทัศน์ของการเป็นผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลเน้นไปที่การสร้างสรรค์และการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจให้เป็นที่ประจักษ์และยั่งยืน นี่คือบางแนวทางที่สามารถอธิบายกระบวนทัศน์ดังกล่าว

  1. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ต้องเห็นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลในธุรกิจของตน เช่น อุปกรณ์แบบสมาร์ตกับการใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชันเพื่อสื่อสารและการทำธุรกิจออนไลน์ การใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมในการตลาดและสร้างความรู้สึกต่อแบรนด์ การใช้เทคโนโลยีพื้นฐานเช่นการคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาซอฟต์แวร์กับลักษณะธุรกิจ
  2. การรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ต้องมีทักษะในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องเข้าใจและปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของลูกค้า แนวโน้มทางเทคโนโลยี และสภาวะทางเศรษฐกิจ โดยต้องมีจิตสำนึกในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
  3. การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่าย ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ควรสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายกับผู้ประกอบการและบุคคลที่สำคัญในสายงานเดียวกันหรือสายงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนธุรกิจรุ่นใหม่ การเข้าร่วมงานสัมมนาและเครือข่ายธุรกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ และสร้างโอกาสในการร่วมมือธุรกิจ
  4. ความยืดหยุ่นและนวัตกรรม ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ต้องมีความยืดหยุ่นในการทำงานและมีจินตนาการในการพัฒนาธุรกิจ ต้องเริ่มต้นด้วยการตระหนักถึงความต้องการและปัญหาของตลาด เพื่อค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการให้บริการหรือผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำธุรกิจ
  5. ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้คำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของธุรกิจที่ดำเนินอยู่ และพยายามนำเสนอและปฏิบัติธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ เช่น การใช้งานทรัพยากรที่ยั่งยืน การสนับสนุนกิจกรรมสังคมและการสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับสังคมและสิ่งแวดล้อม

กระบวนทัศน์ของการเป็นผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลมีความยืดหยุ่นในการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัล เร่งความเร็วในการปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลง สร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายที่สนับสนุนธุรกิจ และมีความยืดหยุ่นและนวัตกรรมในการพัฒนาธุรกิจ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม


/////

หลักการและวิธีการคิดสร้างสรรค์
ที่สามารถนำมาใช้ในกระบวนการสร้างสรรค์ใหม่ ดังนี้
   1. การเปลี่ยนแปลงมุมมอง หลักการนี้เน้นให้มองปัญหาหรือสถานการณ์ในมุมมองที่แตกต่างจากเดิม สามารถเสนอคำถามใหม่ มองจากมุมมองอื่น ๆ หรือเปลี่ยนแปลงเป้าหมายใหม่เพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขที่สร้างสรรค์กว่าเดิม

   2. การรวมความรู้ การรวมความรู้และแนวคิดจากสาขาต่าง ๆ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อสร้างความแตกต่างและความสร้างสรรค์ในธุรกิจ

   3. การสร้างทีมที่หลากหลาย การสร้างทีมที่มีความหลากหลายในแง่ของความสามารถ พื้นที่ความเชี่ยวชาญ และมุมมอง เพื่อให้ได้ความคิดสร้างสรรค์ที่มากยิ่งขึ้น

   4. การใช้เทคนิคและเครื่องมือคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคนิคและเครื่องมือคิดสร้างสรรค์ เช่น การใช้กระบวนการคิดออกแบบเชิงกระบวนการ (Design Thinking) หรือการใช้เทคนิคการวิเคราะห์ SWOT (Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats) เพื่อพิจารณาและปรับปรุงธุรกิจให้มีความสามารถสร้างสรรค์

   5. การเปิดรับและการทดลอง การเปิดรับแนวคิดและการทดลองเพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้และความสอดคล้องกับตลาด ผ่านการทดสอบและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการก่อนนำสู่ตลาดจริง

   6. การเรียนรู้และการปรับตัว การเรียนรู้และการปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของตลาดและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การทบทวนผลิตภัณฑ์หรือบริการ และการนำประสบการณ์มาปรับปรุงในการสร้างสรรค์ใหม่

การคิดสร้างสรรค์มีความสำคัญในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตและเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการใช้หลักการและวิธีการคิดสร้างสรรค์ที่เหมาะสม ธุรกิจสามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณค่าและความแตกต่าง และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ลักษณะของธุรกิจสร้างสรรค์สามารถระบุได้ดังนี้
   1. ความเป็นเอกลักษณ์ ธุรกิจสร้างสรรค์มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณค่าและความเป็นเอกลักษณ์ โดยมุ่งเน้นความสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่แตกต่างจากสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ในตลาด

   2. การแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการ ธุรกิจสร้างสรรค์มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาหรือการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยพิจารณาจากการวิเคราะห์ตลาดและการรับฟังลูกค้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบสนองความต้องการ

   3. ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ธุรกิจสร้างสรรค์ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความแตกต่างจากธุรกิจทั่วไป

   4. การใช้เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล ธุรกิจสร้างสรรค์นั้นใช้เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาตลาดสินค้าหรือบริการ โดยการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีเสมือนจริง ปัญญาประดิษฐ์ หรือเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง เป็นต้น

   5. การมีความเสี่ยงและความก้าวหน้า ธุรกิจสร้างสรรค์มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากการที่ต้องพัฒนาแนวคิดใหม่และเปลี่ยนแปลงที่สร้างความแตกต่าง นอกจากนี้ยังต้องมีการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเข้าช่วงการแข่งขันในตลาด

   6. การสร้างคุณค่าเพิ่ม ธุรกิจสร้างสรรค์มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับลูกค้า ไม่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์หรือบริการเดียว แต่ยังรวมถึงประสบการณ์และความพึงพอใจที่เกิดจากการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการดังกล่าว
/////

ลักษณะจิตบริการ

จิตบริการเป็นแนวทางในการให้บริการที่มุ่งเน้นด้านจิตวิทยาและสุขภาพจิตของบุคคลซึ่งมุ่งเน้นการดูแลและสนับสนุนให้บุคคลมีความสุขที่ดีทั้งในด้านจิตและสังคม ลักษณะของจิตบริการจะเน้นการให้ความสำคัญกับความรู้สึกและอารมณ์ของบุคคล เพื่อให้ผู้รับบริการมีความเข้าใจและความตระหนักถึงตนเอง และสามารถจัดการกับความรู้สึกและปัญหาทางจิตให้ได้ดีขึ้น

ลักษณะของจิตบริการสามารถเริ่มต้นด้วยการฟังและเข้าใจปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ ผู้ให้บริการจะใช้ทักษะการสื่อสารที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจร่วมกัน
การสร้างความไว้วางใจและสัมพันธภาพระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการมีความสำคัญ เพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจในการสนับสนุนที่ได้รับ

นอกจากนี้ ลักษณะของจิตบริการยังเน้นการสร้างสภาวะที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับบริการ โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนให้ผู้รับบริการมีการตัดสินใจที่ดีและคิดอย่างเป็นวิจารณญาณ รวมถึงการให้คำแนะนำและกลุ่มความรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะในการจัดการกับปัญหาทางจิตให้กับผู้รับบริการ

อีกลักษณะหนึ่งของจิตบริการคือการให้การสนับสนุนในกระบวนการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของผู้รับบริการ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้รับบริการพัฒนาศักยภาพและเป้าหมายในชีวิต เช่น การให้คำปรึกษา การสร้างแผนการดำเนินชีวิต การพัฒนาทักษะการจัดการกับความเครียด และการช่วยเหลือในการก้าวข้ามอุปสรรค

สรุปลักษณะของจิตบริการจะเน้นการให้ความสำคัญกับด้านจิตวิทยาและสุขภาพจิตของบุคคล โดยการฟังและเข้าใจปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการ การสร้างความไว้วางใจและสัมพันธภาพ การสร้างสภาวะที่เป็นประโยชน์ และการสนับสนุนในกระบวนการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของผู้รับบริการ
/////


สร้างความยืดหยุ่นของชีวิตในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล


การสร้างความยืดหยุ่นของชีวิตในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อให้บุคคลสามารถเข้าร่วมและเหนือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสมัยปัจจุบัน นี่คือบางวิธีที่สามารถช่วยให้คุณสร้างความยืดหยุ่นของชีวิตในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล:

  1. พัฒนาทักษะและการเรียนร้ การพัฒนาทักษะและการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเห็นโอกาสในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล ทักษะทางด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารเป็นต้น เพิ่มความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในพื้นที่ที่สนใจ และไม่เพียงแค่การเรียนรู้แบบตามหนังสือ แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้จากประสบการณ์และการเรียนรู้เชิงปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
  2. สร้างความยืดหยุ่นทางอาชีพ ในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความยืดหยุ่นทางอาชีพเป็นสิ่งสำคัญ คุณควรเตรียมตัวให้พร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้ใหม่ในสายงานที่ต้องการ เพิ่มความหลากหลายในทักษะและความชำนาญ รวมถึงการเปิดโอกาสในการทำงานระยะยาวหรืองานอิสระ
  3. สร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ เครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงโอกาสและข้อมูลที่สำคัญในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล อย่าละเลยการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในชุมชน สร้างความรู้จักใหม่ และใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อและสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่มีความสนใจเดียวกัน
  4. ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว สังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องยอมรับและปรับตัวตามสภาพแวดล้อมใหม่ เป็นผู้ที่ยืดหยุ่นและเปิดรับการเปลี่ยนแปลง เช่นการปรับเปลี่ยนการทำงานหรือรูปแบบการใช้เทคโนโลยีใหม่
  5. สร้างแผนที่ชีวิตที่สมดุล ความยืดหยุ่นในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลมาพร้อมกับความเครียดและกำลังใจในการดำเนินชีวิต การจัดการเวลาและพักผ่อนให้เหมาะสม รวมถึงการจัดการเงินและการออกแบบการใช้ชีวิตที่สมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน

การสร้างความยืดหยุ่นของชีวิตในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นกระบวนการที่ต้องการการปรับตัวและการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาทักษะ สร้างเครือข่าย ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และการสร้างแผนที่ชีวิตที่สมดุล คุณจะมีโอกาสที่ดีในการเข้าร่วมและปรับตัวในสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล
/////

การพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

การพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงสร้างความสามารถใหม่ในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดและภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ

 ข้อดีที่ธุรกิจสามารถได้รับจากการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

   1. การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการธุรกิจ เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจสามารถอัตโนมัติสิ่งต่าง ๆ และประหยัดเวลา เช่น การใช้ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (Inventory Management System) เพื่อควบคุมการเพิ่มหรือลดสินค้าในคลังอัตโนมัติ หรือการใช้ระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

   2. การเข้าถึงตลาดกว้างขึ้น เทคโนโลยีดิจิทัลเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงตลาดใหญ่กว่าได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งสามารถขยายขอบเขตการตลาดและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการได้

   3. การเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเช่นการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ ทำให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ที่มีความแม่นยำและมั่นใจได้ดียิ่งขึ้น

   4. การสร้างความสัมพันธ์และสื่อสารกับลูกค้า เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์และสื่อสารกับลูกค้าได้มากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ เครือข่ายสังคม หรือแอปพลิเคชัน ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

   5. การสร้างนวัตกรรมใหม่ เทคโนโลยีดิจิทัลเปิดโอกาสให้ธุรกิจสร้างนวัตกรรมใหม่ได้ในด้านผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกระบวนการธุรกิจ โดยการใช้เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม เช่น การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือระบบ Blockchain เพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ที่มีความสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ

ในการพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ควรมีการวางแผนและการบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้การนำเทคโนโลยีเข้าสู่ธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
/////

กระบวนการธุรกิจ (Business Process)

ลำดับขั้นตอนหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นในธุรกิจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือผลลัพธ์ที่ต้องการ กระบวนการธุรกิจเป็นรายละเอียดของวิธีการดำเนินงานภายในองค์การ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการทำงาน โดยกระบวนการธุรกิจสามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพได้ตามความต้องการขององค์กร

กระบวนการธุรกิจประกอบด้วยขั้นตอนหลายขั้นตอนที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละธุรกิจ อาจมีการเรียงลำดับขั้นตอนหรือการทำงานที่สามารถกำหนดให้มีความเหมาะสมกับองค์กรเองได้ ดังนั้น

ขั้นตอนทั่วไปของกระบวนการธุรกิจ

   1. การวางแผน (Planning) กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจ วางแผนกลยุทธ์ และกำหนดแผนการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสมในการบรรลุผลลัพธ์

   2. การวิเคราะห์และออกแบบ (Analysis and Design) วิเคราะห์กระบวนการธุรกิจเพื่อให้เข้าใจลักษณะของกระบวนการและปัญหาที่เกิดขึ้น ออกแบบกระบวนการใหม่หรือปรับปรุงกระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

   3. การดำเนินงาน (Execution) ดำเนินการตามขั้นตอนและกิจกรรมที่กำหนดในกระบวนการธุรกิจ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ต้องการ

   4. การตรวจสอบและปรับปรุง (Monitoring and Improvement) ตรวจสอบการดำเนินงานและผลลัพธ์ เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ข้อมูลและตัวชี้วัดที่เหมาะสม

   5. การจัดการ (Management) การบริหารจัดการกระบวนการธุรกิจเพื่อให้การทำงานเป็นไปตามแผนและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดทำระบบควบคุมและการสื่อสารภายในองค์การ

   6. การพัฒนา (Development) การพัฒนากระบวนการธุรกิจให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาวะทางธุรกิจ เช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างนวัตกรรมใหม่

การสร้างคุณค่าของธุรกิจจากสารสนเทศ (Creating Business Value from Information)

กระบวนการที่ธุรกิจใช้ข้อมูลและสารสนเทศเพื่อสร้างประโยชน์และคุณค่าทางธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งสามารถทำได้โดยการนำข้อมูลที่มีอยู่ภายในองค์การและระบบการจัดการฐานข้อมูล ทั้งจากภายในและภายนอกองค์การมาใช้ให้เกิดประโยชน์และคุณค่าที่สำคัญต่อธุรกิจ เพื่อให้เกิดผลกระทบที่ดีต่อการตัดสินใจธุรกิจและการวางกลยุทธ์ขององค์การ
แนวทางการสร้างคุณค่าของธุรกิจจากสารสนเทศ
   1. การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล (Data Processing and Analysis) การนำข้อมูลที่มีอยู่ภายในระบบและระบบฐานข้อมูลมาวิเคราะห์และประมวลผลเพื่อเก็บข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการตัดสินใจธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการขายเพื่อตรวจสอบแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมของลูกค้า

   2. การบริหารจัดการความรู้ (Knowledge Management) การเก็บรวบรวมและแบ่งปันความรู้ภายในองค์การ เพื่อให้สมาชิกในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลและความรู้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานได้ ซึ่งส่งผลให้มีการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์การ

   3. การตรวจสอบและควบคุม (Monitoring and Control) การใช้สารสนเทศในการตรวจสอบและควบคุมกระบวนการธุรกิจ เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพ การปรับปรุงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม

   4. การวางกลยุทธ์ธุรกิจ (Business Strategy) การนำข้อมูลและสารสนเทศเข้ามาช่วยในการวางกลยุทธ์ธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่งขัน เพื่อให้สามารถตัดสินใจและวางแผนทางกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจ

   5. การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ (New Product and Service Development) การนำข้อมูลและข้อมูลทางธุรกิจเข้ามาช่วยในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสร้างคุณค่าทางธุรกิจให้กับองค์กร

   6. การปรับปรุงกระบวนการธุรกิจ (Process Improvement) การใช้สารสนเทศเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาด และลดต้นทุนการดำเนินงานในองค์กร

การสร้างคุณค่าของธุรกิจจากสารสนเทศสามารถช่วยให้ธุรกิจมีการตัดสินใจที่แม่นยำ ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และสร้างความแข่งขันจากการขายในตลาดได้มากขึ้น

กระบวนการคิดสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local Wisdom)

กระบวนการที่เน้นการรวบรวมและนำเอาความรู้และประสบการณ์ท้องถิ่นมาใช้ในการสร้างความสร้างสรรค์และนวัตกรรม โดยการคิดเชิงสร้างสรรค์ที่สะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง

 ขั้นตอนในกระบวนการคิดสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น
   1. การสำรวจและศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำการสำรวจและศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยการสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น และตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องเช่น ตำราการใช้งานวัสดุ การประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

   2. การเชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นกับความต้องการหรือปัญหาที่มีอยู่ ใช้การคิดสร้างสรรค์เพื่อเชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นกับความต้องการหรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งอาจเป็นการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ หรือการแก้ไขปัญหาในชุมชน

   3. การสร้างแนวคิดและการวางแผน ภูมิปัญญาท้องถิ่นจะเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแนวคิดและวางแผนสำหรับการสร้างสรรค์ การคิดออกแบบ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ที่สอดคล้องกับภูมิปัญญาและความต้องการของท้องถิ่น

   4. การทดสอบและปรับปรุง ทำการทดสอบและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและเป็นไปตามแผนที่วางไว้

   5. การส่งเสริมและการแบ่งปัน การส่งเสริมและแบ่งปันภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กับชุมชนและสังคม โดยใช้สื่อต่างๆ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการแบ่งปันความรู้ การเผยแพร่ผลงานทางวัฒนธรรม หรือการสร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้

 การคิดสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นช่วยให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของท้องถิ่น และสร้างคุณค่าทางธุรกิจและสังคมให้กับชุมชนท้องถิ่น โดยเน้นความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่าท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางในกระบวนการสร้างสรรค์

Address:
Asst.Prof.Phorramatpanyaprat Tongprasong, PhD, FHEA
Suan Dusit University,

295 Nakhonratchasima RD., Dusit,
Dusit, BKK, Thailand 10300.
TEL. +6622445748


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปรมัตถ์ปัญปรัชญ์ ต้องประสงค์
กศ.ด. (การบริหารการศึกษา)
อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร
บริหารธุรกิจบัณฑิต
สาขาวิชาธุรกิจสร้างสรรค์และเทคโนโลยีดิจิทัล

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
เลขที่ 295 ถนนนครราชสีมา
แขวงดุสิต เขตดุสิต
กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์ 02 244 5748

 

https://musterverse.dusit.ac.th/

อีเมล
phorramatpanypaprat_ton@dusit.ac.th
phorramatpanyaprat@gmail.com
/////
LINE OA @mustland เพิ่มเพื่อน
Visit counter For Websites